วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ขับรถลุยน้ำแล้ว ต้องทำอย่างไรกับรถคันโปรดของคุณ

รถยนต์ลุยน้ำแล้วต้องทำอย่างไร

หลังจากต้องขับรถลุยน้ำแล้ว ควรทำอย่างไรกับรถคันโปรดราคาแพงของคุณ

ต่อเนื่องจากเรื่องที่แล้ว จะขับรถลุยน้ำอย่างไรเมื่อเจอน้ำท่วม ให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย
ผมติดตามข่าวน้ำท่วมรายวัน เห็นแล้้วเศร้าใจ นี่แหละการเตือนภัยจากธรรมชาติทีกำลังบอกมนุษย์ว่า ใกล้จะถึงวันสิ้นโลก วันน้ำท่วมโลก ตามที่มีผู้ทำนายไว้่
มาว่ากันต่อเรื่องรถลุยน้ำ จะเห็นว่าเจ้าของรถทุกคน พยายามหาที่จอดให้กับรถอันเป็นของแสนรักแสนหวงของตน เงินน้อยหน่อยก็จอดกันตามริมถนนที่สูงกว่าระดับน้ำ เงินมากหน่อย รถหรูแพงหน่อย ก็ไปเช่าที่จอดรถ บางที่คิดค่าจอดซะแพง ไม่เห็นอกเห็นใจผู้กำลังประสบเคราะห์กรรมเลย

หลังจากขับรถลุยน้ำมาแล้ว ควรจะทำอย่างไร?

1. ล้างรถ รวมถึงการฉีดน้ำเข้าไปในบริเวณใต้ท้องรถด้วย รวมทั้งบริเวณซุ้มล้อ เพื่อล้างพวกเศษทรายต่างๆ ที่มันเกาะติดอยู่ หรือบริเวณใต้ท้องรถ ซึ่งอาจมีพวกเศษขยะ เศษหญ้า ติดอยู่ ต้องเอาออกให้หมด เพราะถ้าเศษหญ้าแห้งมันติดอยู่ใต้รถ อันตรายที่จะเกิดขึ้นมันใหญ่หลวงนัก หนักๆ หน่อยไฟอาจไหม้ได้
2. สำรวจน้ำมันเกียร์ ว่ามันมีสีผิดปกติหรือไม่ คือ ถ้ามีลักษณะคล้ายสีชาเย็น นั่นแสดงว่า ต้องมีน้ำเข้าไปอยู่ในระบบเกียร์อย่างแน่นอน หรือถ้าเป็นไปได้ก็เปลี่ยนน้ำมันเกียร์มันซะเลย เพื่อความสบายใจ เพราะก้านวัดน้ำมันเกียร์นั้้นอยู่ค่อนข้ำงต่ำ และยิ่งรถผ่านการลุยน้ำลึกๆ มา มันก็จะท่วมตัวเจ้าก้านวัด ซึ่งเป็นไปได้ที่นำจะซึมเข้าไปในระบบเกียร์ และมันก็จะทำให้ระบบเกียร์พัง
3. เช็คลูกปืนล้อ ซึ่งพูดง่ายๆ ว่า เจอน้ำทีไร ลูกปืนล้อมันก็จะดัง เวลาวิ่งความเร็วสูงๆ อันนี ทำใจไว้ได้เลยว่าอาจต้องเปลี่ยน แต่โดยปกติแล้ว เจ้าลูกปืนล้อมันจะพังเร็วก็เพราะสาเหตุที่ว่า จอดแช่น้ำมากกว่า แต่ถ้าวิ่งผ่านน้ำโดยปกติจะไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่ถ้าแช่น้ำเมื่อไหร่ละก็ เตรียมตัวเสียเงินได้เลย
4. ตรวจสอบพื้นพรมในรถว่าเปียกช้ืนหรือไม่ เพราะหลังการลุยน้ำลึกมา มีโอกาสมากที่น้ำจะซึมเข้ามาภายในห้องโดยสาร เพราะฉะนั้น ต้องเปิดผ้ายาง เปิดพรม เอามือกดแรงๆ ดู หรือลองเอากระดาษซับดูว่ามีน้ำอยู่หรือเปล่า ถ้ามีน้ำขังอยู่ภายในห้องโดยสารน่าจะถึงเวลารื้อพรมกันเลยละครับ เพื่อป้องกันปัญหาตามมา เพราะถ้าไม่รื้อพรม แต่คุณแค่เพียงเอาผ้าซับๆ ให้พ้ืนแห้ง แล้วจอดตากแดด จริงๆ แล้วมันก็แห้งเหมือนกัน แต่สิ่งที่ไม่เห็นก็คือ สิ่งสกปรกที่มันยังค้างอยู่ในรถ มีเชื้ือโรคสารพัด แล้วเมื่อมันแห้ง มันก็จะแพร่เชื้อและเป็นเชื้ือราอยู่ในพรม สิ่งที่อยากบอกต่อคือ แอร์ ระบบปรับอากาศที่มันจะเป็นตัวช่วยพัฒนาการเจริญเติบโตของเชื้อโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี แล้วมันก็จะหมุนเวียนกลับไปกลับมาอยู่ในรถของคุณ ก่อให้เกิดสาเหตุของภูมิแพ้ เพราะต้องสูดเอาเชื้อโรคต่างๆ เข้าไปตลอดเวลา

ขอทุกท่านให้ใช้รถใช้ถนนด้วยความปลอดภัยครับ

ด้วยความห่วงใย JBTจึงบอกต่อ ขอบคุณ คุณคัมภีร์
ขับรถลุยน้ำแล้ว ต้องทำอย่างไรกับรถคันโปรดของคุณ