วันเสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ให้สิ่งใดได้สิ่งนั้น เรื่องซึ้งๆจึงบอกต่อ

ให้สิ่งใดได้สิ่งนั้น เรื่องซึ้งๆจึงบอกต่อ
เรื่องนี้เพื่อนส่งมาให้อ่าน อ่านแล้วซึ้ง จึงบอกต่อ

แม้ตะวันจะเริ่มโพล้เพล้ แต่ก็ยังไม่มืดเกินไปที่เขาจะสังเกตเห็นหญิงสูงอายุแต่แต่งกายดีคนหนึ่งยืนอยู่ข้างทางรอความช่วยเหลือ
เขาเบี่ยงรถเข้าจอดหน้ารถเมอร์เซเดส-เบนซ์คันงามของเธอ และลงจากรถ
ขณะที่เขาเดินเข้าไปหาเธอ รถปอนเตียกของเขาทั้งสั่นทั้งคราง แม้เขาจะระบายยิ้มซะเต็มหน้า แต่ใบหน้าเธอยังคงเต็มไปด้วยแววกังวล

ไม่มีใครยอมหยุดมาช่วยเราเลย ตั้งชั่วโมงกว่าแล้ว เขาจะทำร้ายฉันไหมหนอ ...
เขาดูไม่น่าเชื่อถือเลย...ดูซกมกและหิวโซอีกต่างหาก...”

เขาพอมองออกว่าเธอกลัวเขา
ยืนอยู่เดียวดายท่ามกลางความหนาวเย็น เขาเข้าใจดีว่าเธอรู้สึกอย่างไร
มันเป็นความหนาวสั่นที่มาพร้อมกับความกลัวเชียวหละ

“ผมมาช่วยครับ คุณผู้หญิง
ทำไมไม่เข้าไปนั่งสบายๆในรถที่อบอุ่นกว่าละครับ...
เอ้อ ผมชื่อ ไบรอัน แอนเดอร์สัน ครับ”

ที่จริง รถเธอแค่ยางแตก แต่นั่นก็หนักหนาพอแล้วสำหรับเธอ
ไบรอันก้มลงมองใต้รถ หาที่สำหรับค้ำแม่แรง
ถลกแขนเสื้อและขยับแขน 2 -3 ครั้ง ในไม่ช้า เขาก็เริ่มเปลี่ยนยางได้ แต่ก็ต้องแลกกับความมอมแมมและเจ็บมือเล็กน้อย

ตอนที่เขาขันนอตล้อตัวสุดท้าย เธอหมุนกระจกรถลง และเริ่มคุยกับเขา
เธอเล่าว่า เธอมาจากเซ็นต์หลุยส์ และผ่านมาทางนี้
เธอไม่รู้จะขอบคุณเขาอย่างไรดี ที่อุตส่าห์มาช่วย
ไบรอันแค่ยิ้มให้ แล้วปิดกระโปรงหลังรถหลังเก็บเครื่องมือเสร็จ
หญิงผู้สูงศักดิ์ถามว่าเธอต้องจ่ายให้เขาเท่าไหร่
เธอพร้อมจะจ่ายไม่ว่าเท่าไหร่
เพราะเธอตระหนักดีว่า หากเขาไม่มาช่วย เหตุการณ์อาจจะเลวร้ายยิ่งกว่านี้ก็ได

ไบรอันไม่เคยคิดถึงเรื่องเงินเลย นี่ไม่ใช่งานหนักหนาอะไรสำหรับเขา
มันแค่เป็นการช่วยเหลือคนที่ต้องการความช่วยเหลือเท่านั้น
ที่ผ่านมา เขาก็เคยได้รับการช่วยเหลือเช่นนี้จากผู้อื่นเช่นกัน เขาถือคติเช่นนี้เสมอมา และไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย

เขาบอกเธอว่า หากเธอจะชดใช้ให้เขาจริงๆละก้อ
ครั้งหน้าที่เธอเห็นใครที่ต้องการความช่วยเหลือ จงช่วยคนนั้น และ...
“ให้คิดถึงผมด้วยก็แล้วกันครับ”
เขายืนมองจนเธอติดเครื่องยนต์และขับหายไป

...มันช่างเป็นวันที่หนาวและห่อเหี่ยว
แต่เขากลับรู้สึก ดี และมีความสุข ขณะที่ขับรถกลับบ้าน กลางแสงตะวันยามเย็น

ห่างมาไม่กี่ไมล์ หญิงผู้สูงศักดิ์เห็นข้างทางมีร้านกาแฟเล็กๆร้านหนึ่ง
เธอหวังเพียงแวะเข้าไปหาอะไรรองท้องและหลบหนาว ก่อนที่จะเดินทางต่อ
ข้างในร้านทั้งมืด ทั้งสกปรก ข้างนอกมีเพียงเครื่องเติมน้ำมันเก่าๆสองเครื่อง.. มันช่างเป็นภาพที่ไม่โสภาเลยสำหรับเธอ

สาวเสริฟคนหนึ่งเดินมาหาเธอ ใช้ผ้าขนหนูที่สะอาดซับผมที่เปียกปอนให้เธอ
เธอคนนั้นยิ้มหวานมาก หวานซะจนความเมื่อยล้าจากการยืนมาแล้วทั้งวัน ยังไม่สามารถลบรอยยิ้มนั้นออกได้

หญิงผู้สูงศักดิ์สังเกตุเห็นเธอผู้นั้นน่าจะท้องได้แปดเดือนแล้ว
แต่เธอไม่เคยปล่อยให้ความเครียดและความเจ็บเมื่อยเหล่านั้นมาเปลี่ยนทัศนคติของเธอ
หญิงสูงศักดิ์ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า จะมีคนที่มีต้นทุนเพียงน้อยนิด แต่สามารถให้ผู้อื่นได้มากขนาดนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนแปลกหน้าเช่นเธอ ...แล้วเธอก็นึกถึงไบรอัน

หลังจากเธอรับประทานอิ่ม เธอจ่ายด้วยเงินใบละร้อยดอลล์
ขณะที่สาวเสิร์ฟเข้าไปเอาเงินมาทอน หญิงผู้สูงศักดิ์ได้หลบออกนอกร้านไปทันที
เมื่อสาวเสิร์ฟกลับมาพร้อมตังค์ทอน จึงไม่เห็นเธอ ขณะที่กำลังฉงนใจ เธอสังเกตเห็นมีบางสิ่งเขียนอยู่บนผ้ารองจาน

พอเธอได้อ่าน ในตาเธอเอ่อไปด้วยน้ำตา
หญิงสูงศักดิ์เขียนว่า “เธอไม่ได้ค้างอะไรฉันเลย ฉันเคยเป็นเช่นนั้นมาก่อน
มีบางคนเคยช่วยฉัน เหมือนที่ฉันกำลังช่วยเธอ
หากเธอจะตอบแทนจริงๆละก้อ
จงช่วยผู้อื่นต่อไป อย่าให้โซ่ของความรักนี้ขาดช่วงลงที่เธอนะ”

ใต้ผ้ารองจานผืนนั้น ยังมีใบละร้อยดอลล์อยู่อีกสี่ใบ
เอาละ ยังมีโต๊ะที่ต้องเช็ด ถ้วยน้ำตาลที่ต้องเติม ลูกค้าที่ต้องบริการอีกมากมาย เธอยังคงทำงานต่อไปจนดึก
คืนนั้น เธอกลับถึงบ้าน ปีนขึ้นเตียงนอน พร้อมกับหวลคิดถึงเงินและสิ่งที่หญิงผู้สูงศักดิ์ผู้นั้นเขียน

เธอทราบดีว่าสามีกลุ้มใจเรื่องนี้มาก
ดังนั้น ตอนที่สามีเธอล้มตัวลงนอนข้างเธอ เธอจุมพิตเขาเบาๆ และกระซิบค่อยๆว่า
“ไม่ต้องกังวลอีกแล้วนะ ฉันรักคุณค่ะ
ไบรอัน แอนเดอร์สัน ที่รัก”

โบราณว่า “ให้สิ่งใด ได้สิ่งนั้น”
ขอบคุณ เพื่อนเตี๋ยว
ให้สิ่งใดได้สิ่งนั้น เรื่องซึ้งๆจึงบอกต่อ