วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556

โลกหลอดเลือดในสมองอันตรายถึงชีวิตแต่ป้องกันได้

โลกหลอดเลือดในสมอง สาเหตุการตายอันดับต้นๆ แต่ป้องกันได้

แขน ขาอ่อนแรงครึ่งซีก, มองไม่เห็นข้างหนึ่ง หรือกรอกตาไปข้างใดข้างหนึ่งไม่ได้ หรือเห็นภาพซ้อน, ชาซีกใดซีกหนึ่ง, มึนงง ทรงตัวไม่ได้ เดินเซ, พูดไม่ชัด พูดอ้อแอ้ เป็นอาการที่ไม่ควรเพิกเฉย เพราะอาการเหล่านี้ คือ สัญญาณเตือนภัย โรคหลอดเลือดสมอง
สถิติกระทรวงสาธารณสุข ปีค.ศ.2004 ระบุว่า โรคหลอดเลือดสมอง เป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ในเพศหญิงและอันดับ 3 ในเพศชาย และยังเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของความพิการในประชากรไทย เนื่องจากเมื่อเป็นแล้ว มักมีความพิการเกิดขึ้น และสามารถกลับเป็นซ้ำได้ จึงจำเป็นต้องรักษาตลอดชีวิต

โลกหลอดเลือดในสมองอันตรายถึงชีวิตแต่ป้องกันได้

องค์การอนามัยโลก (WHO) ประมาณการว่า ทุกปีจะมีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองมากกว่า 15 ล้านคนทั่วโลก จำนวนนี้ 5 ล้านคน พิการถาวร อีก 5 ล้านคนเสียชีวิต และอีก 2 ใน 3 อยู่ในประเทศกำลังพัฒนา คาดว่าปี พ.ศ.2563 จะมีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้นทั่วโลกเป็น 2 เท่า

สำหรับในประเทศไทย คาดว่ามีผู้ป่วยรายใหม่ในแต่ละปีประมาณ 150,000 ราย โดยพบปริมาณผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง อัมพฤกษ์ อัมพาต เพิ่มขึ้นเป็น 0.5 ล้านคน ต้องเสียค่ารักษาประมาณ 20,632 ล้านบาทต่อปี

พญ.ทัศนีย์ ตันติฤทธิศักดิ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาประสาทวิทยา หัวหน้ากลุ่มงานประสาทวิทยา สถาบันประสาทวิทยา กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองได้ ประกอบด้วย 8 ปัจจัย ได้แก่ ภาวะความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ประวัติญาติสายตรงเคยเจ็บป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมอง ขาดการออกกำลังกายที่เหมาะสม จึงจำเป็นที่จะต้องดูแลรักษาปัจจัยเสี่ยง เพื่อป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง

อาการสำคัญของโรคหลอดเลือดสมอง ตามแนวทางการวินิจฉัย Cincinnati stroke scale มีหลักการจำให้เข้าใจง่าย โดยใช้คำว่า FAST ซึ่งประกอบด้วย F = Face หมายถึงอาการหน้าเบี้ยว , A = Arm หมายถึงอาการแขนขาอ่อนแรงข้างใดข้างหนึ่ง , S = Speech หมายถึงอาการพูดไม่ชัด พูดลำบาก พูดไม่ได้ หรือสื่อสารไม่เข้าใจ , T = Time หมายถึงเวลาที่จะต้องรีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด

โรคหลอดเลือดสมอง แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1.ชนิดแตก ซึ่งเกิดจากการมีเลือดออกในเนื้อสมอง จากผนังเส้นเลือดเสื่อมสภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีความดันโลหิตสูงนาน ๆ หรือควบคุมความดันโลหิตได้ไม่ดี หรือเลือดออกในเนื้อสมองจากการที่เส้นเลือดมีสารอะไมลอยด์สะสม ทำให้เส้นเลือดแตก การแตกของเส้นเลือดโป่งพอง ในช่องที่อยู่ของน้ำไขสันหลัง ผู้ป่วยมักมีโรคความดันโลหิตสูงร่วมด้วย เส้นเลือดดำและแดงต่อกันผิดปกติ ทำให้มีเลือดออกทั้งในเนื้อสมอง และในช่องที่อยู่ของน้ำไขสันหลัง มักพบในผู้ที่อายุน้อย ไม่ทราบสาเหตุ หรือเกิดจากการแตกของหลอดเลือดสมอง ทำให้มีเลือดออกมาคั่ง และทำลายเนื้อสมองในบริเวณนั้น นอกจากนี้ อาจกดเบียดสมองส่วนที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้สมองส่วนนั้นทำหน้าที่ไม่ได้ตามปกติ เกิดอัมพฤกษ์ หรืออัมพาตได้

ประเภทที่ 2. ชนิดตีบ หรืออุดตัน เกิดจากเส้นเลือดใหญ่ในสมองแข็งและตีบตัน อาจเกิดจากมีแคลเซียมหรือตะกอนไขมันไปเกาะหลอดเลือด ทำให้รูของหลอดเลือดแคบลง เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ทำให้เนื้อสมองตายเป็นบริเวณกว้าง หรือเกิดจากมีลิ่มเลือดหลุดจากที่อื่น เช่น จากหัวใจมาอุดตันหลอดเลือดสมอง มักพบในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ เช่น หัวใจรูมาติก กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หัวใจเต้นผิดจังหวะ ทำให้สมองบางส่วนขาดเลือด

พญ.ทัศนีย์ ย้ำว่า สิ่งสำคัญที่สุด คือ เมื่อมีอาการของโรคหลอดเลือดสมอง ควรรีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เพื่อให้ผลการรักษาทันท่วงที ลดความพิการที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากเซลล์สมองขาดเลือดเพียง 1 นาที จะมีเซลล์สมองตายถึงประมาณ 2 ล้านเซลล์ ดังนั้น ถ้าได้รับการรักษาช้า อาจทำให้เซลล์สมองตายมากขึ้น ทำให้เกิดความพิการมากขึ้นได้ โรคหลอดเลือดสมองป้องกันได้ ถ้าดูแลรักษาไม่ให้เกิดปัจจัยเสี่ยง

พญ.ทัศนีย์ ได้แนะนำแนวทางการปฏิบัติตัวเพื่อลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มเติมอย่างง่ายว่า การตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อค้นหาปัจจัยเสี่ยง เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ฯลฯ เป็นส่วนที่ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเตรียมพร้อมตั้งรับ และไม่ปล่อยให้อาการเหล่านี้ลุกลามจนกลายเป็นโรคหลอดเลือดสมองในที่สุด นอกจากนี้ ผู้ป่วยควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ ลดอาหาร หวาน มัน เค็ม งดดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ พบแพทย์สม่ำเสมอ และห้ามหยุดยาเองโดยเด็ดขาด หากรักษาสุขภาพร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ จะช่วยป้องกันโรคอย่างได้ผลดีที่สุด
อย่าประมาท ทั้งอาหารการกิน การดูแลสุขภาพตัวเอง รวมไปถึงสัญญาณต่างๆ ที่ร่างกายบอกเรา เพราะนั่นหมายถึง ความเสี่ยงต่อชีวิต !!!.

วิธีสังเกตอาการเส้นเลือดแตกในสมองคร่าวๆ
ด้วยความห่วงใย JBTจึงบอกต่อ
โลกหลอดเลือดในสมองอันตรายถึงชีวิตแต่ป้องกันได้