จริงหรือกับพาดหัวข้อข่าวที่ว่า บัตรเติมเงินโทรศัพท์มือถือจะไม่มีการกำหนดวันหมดอายุ จริงขนาดไหนหรือยังไง ต้องอ่านดู
อ่านแค่หัวข้อข่าวหรือได้ยินเขาพูดกัน หลายคนก็ได้เฮ นึกว่าต่อไปนี้เติมเงินมือถือเท่าไหร่ ถ้ายังโทรไม่หมดก็ไม่มีหมดอายุวันโทร แต่ถ้าคุณได้มาอ่านเนื้อหาของข่าวด้านล่างจากหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ที่มักจะพาดหัวข่าวเหมือนกันว่าโทรศัพท์แบบเติมเงินจะไม่มีวันหมดอายุ เฮได้ก็คงไม่ถึงเดือนหรอก (ตอนทีแล้วผมก็พึ่งเสนอข่าวให้ใจหายวาบกับการนับถอยหลังMSN)เมื่อวันที่ 14 ม.ค.2556นี้ ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการกสทช. เปิดเผยว่า ในที่ประชุมร่วมกับเอกชนผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ 5 ราย ได้แก่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ,บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน), บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) , บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)และ บริษัท ทรูมูฟ จำกัด หารือห้ามกำหนดวันหมดอายุบัตรเงิน (พรีเพด) โดยได้กำหนดวันที่ 18 ม.ค. 2556 นี้ เป็นวันแรกที่บัตรเติมเงินจะไม่มีการกำหนดวันหมดอายุของบัตร
ข่าวด่วนบัตรเติมเงินโทรศัพท์มือถือไม่มีวันหมดอายุ
ทั้งนี้ผู้ประกอบการจะต้องทำหนังสือแจ้งมาอย่างเป็นทางการว่าได้ยุติการกำหนดวันหมด อายุของบัตรเติมเงิน และจัดให้ลงทะเบียนในการซื้อซิมการ์ด เพื่อจัดเก็บข้อมูลของผู้ใช้บริการ โดยเมื่อมีการจำหน่ายซิมการ์ดโทรศัพท์ต้องบันทึกเลขประจำตัวบัตรประชาชน 13 หลัก คู่กับเบอร์โทรศัพท์ในระบบเติมเงินที่เปิดใช้งานเพื่อเป็นข้อมูลไว้ทุกครั้ง เป็นข้อมูลการใช้งานโทรศัพท์ส่วนกรณีที่ผู้ประกอบการเอกชนชี้แจ้งว่า มีต้นทุนในการประกอบธุรกิจ กสทช.ได้ให้ผู้ให้ผู้ประกอบการทุกค่ายไปกำหนดเงื่อนไข หากจะกำหนดวันหมดอายุต้องมีระยะเวลาไม่น้อยกว่า 30 วัน จนกว่าจะทำรายงานเงื่อนไขเสนอต่อคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) เพื่อหากรอบระยะเวลาที่เหมาะสมภายในวันที่ 10 ก.พ.2556
ส่วนการกำหนดอัตราขั้นสูงของค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ไม่เกินนาทีละ 99 สตางค์นั้น ความคืบหน้าในเรื่องนี้ ได้แจ้งให้ทาง เอไอเอส และดีแทค ที่มีโปรโมชั่นในการเรียกเก็บค่าบริการสูงกว่าที่กำหนดนั้น ได้รับทราบ และทั้ง 2 ค่ายก็พร้อมที่จะกลับไปแก้ไขและดำเนินการตามข้อตกลง
ข้อมูลข่าวจาก MThai News
ด้วยความห่วงใย JBTจึงบอกต่อ
ข่าวด่วนบัตรเติมเงินโทรศัพท์มือถือไม่มีวันหมดอายุ จริงหรือ
0 comments:
แสดงความคิดเห็น