มาฝึกขับถ่ายอุจจาระให้ถูกต้องตรงเวลากันเถอะ | เคล็ดลับ สุขภาพดี อาหารดีมีประโยชน์
วันนี้ขอเอาเรื่องที่ไม่น่าพิสมัยนักมาเสนอ อึ เรียกให้น่ารักหน่อยก็ อุนจิ เรียกตรงๆเลยก็ขี้หรืออุจจาระนั้นละ อึใครคิดว่าไม่สำคัญ สุขภาพคุณจะดีหรือไม่ก็ดูจากอึนี่ละ ลองอ่านดูครับ แล้วปฏิบัติตาม แล้วคุณจะมีสุขภาพที่ดี
ปัญหาเรื่องการอุจจาระ เป็นเรื่องที่มีความสำคัญ ที่ทุกท่านไม่ควรละเลย ปกติหากคนเราเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด กินอาหารที่มีกากใยน้อย มีพยาธิ หรือ เชื้อรา ระบบการดูดซึมเสีย ไม่ถ่ายอุจจาระในเวลา 05.00-07.00 น. เช้า หรือ หากถ่ายอุจจาระ หลังเวลา 7 โมงเช้า ลำไส้จะบีบให้อุจจาระขึ้นไปข้างบน เวลาถ่าย จะถ่ายไม่หมด อุจจาระที่ค้าง
ก็จะเกาะที่ผนังลำไส้ พอมีอุจจาระใหม่ที่เหลวกว่า มันก็แซงหน้าไปก่อน แต่มันไม่สามารถดันพวกที่ค้างแข็งให้ออกไปได้ พวกที่ ค้างแข็งไว้ ก็เกาะติดแน่นไปเรื่อย ๆ อุจจาระตกค้างจะไปทับเส้นเลือดต่าง ๆ ในกระเพาะ และ กดทับกระดูกหลัง ทำให้เกิดอาการมากมาย เช่น ท้องอืด ปวดหลัง ปวดขา ปวดกล้ามเนื้อที่ไหล่ และ สะบัก เวียนหัว อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ เป็นฝ้า ไมเกรน และ อื่น ๆ อีกหลายเรื่อง
เพื่อให้ผู้อ่านหายข้องใจ นพ. กฤษดา ศิรามพุช ผอ.สถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ จะมาไขข้อข้องใจให้ทุกท่านได้รับทราบ
นพ. กฤษดาฯ อธิบายว่า เรื่องอุจจาระตกค้าง หรือ อึค้างเป็นเรื่องจริง แต่ไม่ทุกคน เราอาจตรวจสัญญาณ อึค้างในลำไส้ใหญ่ได้เองง่าย ๆ โดยการนอนหงาย แล้วเอามือคลำท้องด้านซ้ายล่าง เลยสะดือไปทางซ้ายหน่อย แล้วเอานิ้วทั้ง 5 ลองกดดูจนลึกเต็มที่ เลื่อนไปมา ถ้ามีอึค้างอยู่ จะคลำได้เป็นลำ คล้ายแท่งยาว ๆ อยู่ตามรูปลักษณ์ของลำไส้ โดยลำไส้ใหญ่นี้จะยิ่งคลำได้ชัด ในคนที่ผอม สำหรับคนเจ้าเนื้อ อาจต้องใช้เทคนิคนอนแล้วแขม่วพุงช่วย แล้วค่อยคลำ จะชัดขึ้น ที่จริงเรื่องการอึ ที่ดูเหมือนเป็นกิจวัตรธรรมดา ไม่มีอะไรนั้น มันต้องมีการฝึกเข้าส้วมกันให้ติดเป็นนิสัย
กลุ่มคนที่มักมีปัญหาเรื่องอึค้าง ได้แก่
1.เด็กเล็กที่ให้กินนมแล้วนอนเลย ไม่พาอุ้มพาดบ่าลูบหลัง หรือ ไม่พาขยับตัวกลิ้งไปมาสักนิดหน่อย ให้ไส้ได้บีบตัวบ้าง และ ในเด็กที่อึแข็งมาก อึนี่อาจแข็ง
ถึงกับบาดรูก้นได้ เป็นแผล แล้วครั้งต่อไป เด็กจะไม่อยากอึออกมา เพราะกลัวเจ็บ แผลแยก เลยยิ่งกลั้น พอยิ่งกลั้น อึก็ยิ่งแข็งค้างไปเรื่อย
2.คนที่ผ่าตัดบ่อย จะมีพังผืด ไปรัดลำไส้ข้างในนุงนัง ทำให้บีบตัวไม่ดี อาจมีอึค้างอยู่ ตามซอกโน้นซอกนี้ในลำไส้ จนบางท่าน กลายเป็นลำไส้อุดตันไปได้ก็มี
3.ผู้สูงอายุ และ คนไข้นอนโรงพยาบาล ที่ไม่ค่อยได้ขยับตัวลุกเดิน
4.คนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย แถมกลั้นอึบ่อย โดยเฉพาะท่านที่ทำงานออฟฟิศ ต้องนั่งแปะอยู่กับที่นานๆ หรือ งานเข้าบ่อย ต้องขอผลัดเข้าห้องน้ำ ไปเรื่อย ๆ ก็ไม่ดีครับ
5.ท่านที่มีลำไส้ยาว คือยิ่งยาว ก็ยิ่งเป็นไซโล เก็บอึไว้ได้นานขึ้น บางท่านจะสังเกตว่า ผักก็กินเยอะ แต่อึแค่สัปดาห์ละหนเท่านั้น
สำหรับเทคนิค “อึให้ดี ไม่มีตกค้าง” มีดังนี้
1.อย่าอั้นอึตอนเช้า เพราะถ้าเลยเช้าไปแล้ว กว่าร่างกายจะส่งสัญญาณให้ปวดอีก อาจจะนานจนผิดเวลา
2.อึให้ตรงกับเวลาเดิม เหมือนเป็นการช่วย “โปรแกรมลำไส้” ให้คอยบีบไล่อึ ออกมาสม่ำเสมอ ก็จะไม่มีอึตกค้าง
3.รอจังหวะขณะอึ ถ้าขณะนั่งห้องน้ำ ถ่ายหนักอยู่ ถ้าไม่ปวดอย่าเบ่งครับ ให้ลองสังเกตว่ามันจะ “ปวดเป็นช่วง ๆ” แล้วก็คลายไป แล้วประเดี๋ยวก็ปวดบีบขึ้นมาอีก นั่นเป็นเพราะ ลำไส้ท่านบีบตัวเป็นลูกคลื่นเหมือนงูเลื้อย ถ้ามันเลื้อยมาถึงตรงอึพอดี มันจึงปวดขึ้นมา ถ้าเบ่งตอนไม่ปวด จะเหมือนเป็นการ “แกล้งลำไส้” ให้เกิดแรงดันขึ้นมา โดยใช่เหตุ เกิดลำไส้ตอนปลายโป่งพองขึ้นมา กลายเป็น “ริดสีดวงทวาร” ไป
4.นวดลำไส้ ถ้าในเด็ก ให้นวดรอบสะดือ ในผู้ใหญ่ให้นวดตรงท้องด้านล่างซ้าย เลยสะดือไป นวดเบา ๆ นวดไปมา แล้วทิ้งไว้สักพัก จะรู้สึกปวดถ่ายขึ้นมาได
5.เอามือกดท้องด้านซ้ายล่างขณะถ่าย หรือ จะลุกขึ้นนั่งยองเอาหน้าขา เป็นตัวกดไล่อึออกมา เพราะที่จริงแล้ว การอึที่ดีตามธรรมชาติของคนคือ “นั่งยอง” เพราะจะได้ มีแรงกดจากหน้าขาด้วย การที่ฝรั่งเอาส้วมแบบนั่งโถ มาให้เราใช้ เป็นการผิดธรรมชาติมนุษย์ ที่จะไม่มีแรงเบ่งอึมากในท่านั่งห้อยขา ทำให้คนเอเชีย กลายเป็นทั้งริดสีดวง และ ท้องผูกมากเหมือนฝรั่งด้วย
6.ลุกขึ้นเดินไปมา จะทำให้ไส้บีบตัวดี สักพักไส้จะบีบรีดเอา “อึท้ายขบวน” ที่เหลือออกมา แล้วเราจะรู้สึกปวดเบ่งอีกที
7.หมุนเอวเป็นเลขแปดนอน หรือ รูปอินฟินิตี้ ในส่วนนี้ ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม ท่านเล่าว่าพี่น้องท่าน 11 คน เป็นมะเร็งลำไส้หมด โดยทุกท่านนั้นปรากฏว่ามีปัญหาในการขับถ่ายทุกคน มีท่านคนเดียว ที่ไม่เป็นมะเร็งลำไส้ เพราะท่านไม่เคยมีปัญหาในการขับถ่าย ท่านขับถ่ายได้เป็นปกติทุกวัน โดยท่านให้คำแนะนำว่า เราต้องกระตุ้นให้ลำไส้ของเราเคลื่อนไหว ทำงานในการขับเคลื่อนของเสียออกทางทวารหนักของเรา ท่านใช้วิธีการ ดังนี้
เมื่อตื่นนอนแล้ว หากต้องยืนทำอะไรก็ตาม เช่น การยืนล้างหน้า หรือ ยืนแปรงฟัน หรือ ยืนดูทีวี ท่านจะไม่ยืนนิ่งๆ แต่ท่านจะยืนบริหารลำไส้ ด้วยการหมุนเอว
ของท่านในรูปอินฟินิตี้ หรือ รูปเลขแปดผรั่งในแนวนอน การยืนบริหารลำไส้เช่นว่าท่านทำมาในสมัยเป็นหนุ่ม จนปัจจุบันอายุ 66 ปีแล้ว ไม่เคยมีปัญหาในการขับถ่าย และไปตรวจหามะเร็งลำไส้ ก็ไม่ปรากฏ ทั้งๆ พี่น้อง 11 คน เป็นมะเร็งลำไส้หมดทุกคน ก็ขอนำมาเล่าเสริมในส่วนนี้ด้วยครับ ทดลองทำดูแล้ว ก็ได้ผล ทำให้ขับถ่ายได้วันละ 2 เวลา
ปกติ ไม่ว่าใครก็ตามถ้าความถี่ในการอึน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ถือว่า “ท้องผูก”แล้ว นอกจากการออกกำลังกายแล้ว อาจใช้อาหารล้างลำไส้ช่วยได้ เช่น
1. น้ำมะขามเปียก
2.ลูกพรุนแห้ง รับประทานทั้งผล เพราะจะได้กากด้วย ไม่ต้องแยกกินแต่ น้ำ ยกเว้น ถ้าเป็นเด็ก
3.แอปเปิ้ลเขียว กินทั้งผล หรือ ปั่นทั้งกากก็ได้
4.ถั่วดำ จัดเป็นอาหารล้างพิษได้ด้วย
5.สับปะรด และ มะละกอ ซึ่งมีน้ำย่อยช่วยกัดกากคราบโปรตีนเก่า ๆ ที่ถูกย่อยไม่หมด และจะมีสภาพติดเป็นอุจจาระยางเหนียวสีดำคล้ายกับ “จาระบี”ออก
6.ให้เลี่ยงการ ดื่มน้ำเย็น ในตอนเช้า โดยให้ดื่มน้ำสะอาด หรือ น้ำอุ่นตอนเช้าสัก 4 แก้วหลังตื่นมาท้องว่าง จะช่วยให้ลำไส้บีบรัดตัวได้ดี ชวนให้ปวดอึขึ้นมามากขึ้นครับ
เพื่อสุขภาพที่ดี ทราบแล้วต้องปฏิบัติ อย่าได้ละเลย และ ชวนบุคคลที่ท่านรักและ ปรารถนาดีให้ร่วมกันปฏิบัติตามด้วยครับ
ด้วยความปรารถนาดี จาก อ.มงคล กริชติทายาวุธ
ขอบคุณ คุณ วิภา
ด้วยความห่วงใย JBTจึงบอกต่อ
มาฝึกขับถ่ายอุจจาระให้ถูกต้องตรงเวลากันเถอะ | เคล็ดลับ สุขภาพดี อาหารดีมีประโยชน์
0 comments:
แสดงความคิดเห็น