วันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

อันตรายจากฝาครอบแก้วชาไข่มุกหยุดลมหายใจ - ระวังอุบัติเหตุใกล้ตัว


เอาอีกแล้วเรื่องใกล้ตัวเราก่อเหตุอีกแล้ว ผมอ่านForward mail ฉบับนี้แล้วเป็นห่วงเด็กๆที่ชอบดื่มเครื่องดื่มตามสมัยนิยม(ไม่รู้ตอนนี้ยังนิยมกันหรือเปล่า)จำพวกชาไข่มุก ผมก็เคยลองลิ้มชิมรสอยู่เหมือนกันตอนที่เครื่องดื่มชนิดนี้เข้ามาครองตลาดวัยรุ่นในยุคแรกๆ คิดว่าทุกท่านที่กำลังอ่านก็คงจะไม่ตกยุคและได้ลองชิมแน่นอน วิธีดื่มก็เท่เหลือเกินต้องทิ่มหลอดใหญ่ๆดังโป๊ะให้ทะลุฝาปิดแก้วพลาสติด เท่ทันสมัยอินเทรนเหลือเกิน
อยากให้อ่านเรื่องข้างล่างนี้แล้วคุณจะรู้สึกเสียววาบไปที่ลำคอแล้วอุทานในใจว่าเรารอดมาได้ไงนี่อะ

อันตรายจากฝาครอบแก้วชาไข่มุกหยุดลมหายใจ - ระวังอุบัติเหตุใกล้ตัว
> ปุ๊ ! เสียงหลอดกาแฟอันโตกระแทกเจาะฝาครอบแก้วชาไข่มุก
> เศษฝาพลาสติกแผ่นกลมขนาดเท่าปลายหลอดตกลงสู่ก้นแก้ว
> ฉันดูดเครื่องดื่มสุดโปรดอย่างหิวกระหายและ
> กระดกแก้วกินน้ำแข็งจนเกลี้ยงตามความเคยชิน

> เมื่อจะทิ้งแก้วลงถังขยะ
> ฉันแปลกใจเล็กน้อยที่ไม่เห็นเศษฝาพลาสติกอยู่ในแก้วเหมือนทุกคราว
> แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก

> สักพัก รู้สึกเหมือนมีบางสิ่งลักษณะเป็นแผ่นบาง ๆ ติดอยู่ในคอ
> แม้จะพยายามล้วงและดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้อาเจียน
> แต่สิ่งนั้นก็ไม่ยอมหลุดออกมา
> ฉันรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่เริ่มติดขัด
> อาจารย์และเพื่อน ๆ จึงรีบพาส่งโรงพยาบาล
> เมื่อไปถึงโรงพยาบาล
> หลังจากรอหมออยู่เกือบสองชั่วโมง หมอก็ให้ลองกลืนน้ำดู
> ปรากฎว่ามีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่จริง
> ตามด้วยการเอกซเรย์ ซึ่งสูญเปล่า เพราะไม่เห็นสิ่งแปลกปลอมนั้นเลย
> จึงตัดสินใจให้วางยาสลบเพื่อส่องกล้องตรวจหาต้นเหตุ
> ระหว่างนั้นฉันยังรู้สึกตัวดีอยู่ทุกอย่าง
> จนกระทั่งหลังวางยาสลบ
> ท่อส่องทางเดินอาหารขนาดใหญ่ประมาณท่อประปาขนาดเล็ก
> สอดจากปากผ่านลงไปตามทางเดินอาหาร
> แต่ไม่รู้ด้วยโชคร้ายของฉัน
> หรือด้วยความประมาทเลินเล่อของใคร
> แทนที่เจ้าท่อนี้จะเป็นอุปกรณ์ในการตรวจเพื่อช่วยชีวิตฉัน
> หลังการตรวจ
> มันกลับทำให้ฉันรู้สึกปวดแน่นหน้าอกและหลังอย่างสุดจะบรรยาย
> เมื่อฟื้นจากยาสลบ แม่บอกว่าฉันปากซีด ตัวเขียว และไข้ขึ้น
> ผิดกับเมื่อตอนก่อนส่องกล้องราวกับคนละคน
> จนแม่ใจหาย รีบตามหมอกลางดึก

> การกลืนแป้งเพื่อเอกซเรย์เริ่มขึ้น
> ผลปรากฎว่า หลอดอาหารทะลุ ต้องผ่าตัดด่วน
> แต่แม่ไม่มีเงิน อย่าว่าแต่ค่าผ่าตัดที่สูงลิบลิ่วของโรงพยาบาลเอกชนเลย
> แม้แต่ค่าตรวจทั้งหลายก่อนหน้านี้
> ที่เกินวงเงินการประกันอุบัติเหตุของนักศึกษา เพียงไม่กี่พันบาท
> แม่ก็ไม่มี ทางโรงพยาบาลจึงขอยึดบัตรประชาชนของแม่ไว้
> เพื่อเป็นหลักประกันให้แม่หาเงินส่วนเกินมาชำระในภายหลัง
> หมอที่ส่องกล้องแนะนำให้ย้ายฉันไปโรงพยาบาลรัฐบาลที่เขาประจำอยู่
> แต่แม้จะเป็นโรงพยาบาลรัฐบาลก็ต้องคุยกันเรื่องค่าใช้จ่ายเช่นกัน
> แม่จึงวิ่งวุ่นติดต่อเรื่องใช้สวัสดิการบัตรประกันสุขภาพ 30 บาท
> กว่าจะเสร็จเรียบร้อยก็เกือบเที่ยง
> นั่นแหละฉันจึงได้รับการผ่าตัด
>
> การผ่าตัดใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมง
> เพราะรอยทะลุที่หลอดอาหารอยู่ใกล้ปอด
> น้ำย่อยจะไหลเข้าไปในปอดซึ่งอันตรายมาก
> หมอต้องผ่าตัดเปิดซี่โครงจากราวนมด้านซ้ายไปจนถึงสันหลังอีกข้าง
> แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังไม่สามารถซ่อมแผลได้หมด
> เพราะแผลในทางเดินอาหารเป็นทางยาว
> จากต้นคอถึงกระเพาะ ยาวถึง 30 เซนติเมตร

> สามวันหลังผ่าตัด ฉันลืมตาขึ้นมาพร้อมสายระโยงระยางเต็มตัว
> สายจากจมูกทั้งสองข้างเพื่อเอาน้ำย่อยในกระเพาะออกมา
> สายที่ไว้ดูด น้ำมูก น้ำลาย สายที่ต่อจากบริเวณซี่โครงที่ผ่าตัดเพื่อเอาเลือดจากแผลออกมา
> สายให้เลือด สายน้ำเกลือ

> สิบเอ็ดวันที่อยู่โรงพยาบาลเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
> กินอาหารไม่ได้อยู่เป็นอาทิตย์
> ยิ่งเวลานอนจะรู้สึกทรมาน
> เพราะเจ็บที่บริเวณแผลผ่าตัดเป็นที่สุด
> หมอที่ส่องกล้อง ซึ่งช่วยหาหมอผ่าตัดให้
> มาสารภาพในภายหลัง ว่า...
> แผลในทางเดินอาหารที่ยาวเหยียด
> เกิดจากการส่องกล้องไปดันเอาเศษแผ่นพลาสติก
> ซึ่งติดอยู่ที่ระหว่างหลอดลมและหลอดอาหารให้ครูดบาดไปตลอดทางเดินอาหาร

> แต่อย่างไรเขาก็ติดต่อหาหมอผ่าตัดที่เชี่ยวชาญให้
> และเป็นความผิดพลาดที่เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจ
> เพราะมองไม่เห็นแผ่นพลาสติกแก้วที่ติดอยู่ที่หลอดลม/ หลอดอาหาร

> กรุณาช่วยส่งต่อเพื่อนๆ พี่ๆ
> เพื่อเตือนภัยคนที่เรารักและเป็นห่วงนะคะ
กินชาไข่มุก แก้วต่อไป ระวังนะคะ
> แผ่นพลาสติกที่เจาะทะลุจากตัวแก้ว...
> อันตรายถึงชีวิตได้
> บอกลูกหลานด้วย
> โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่ชอบซื้อเครื่องดื่มทานเองค่ะ
> ฝาครอบแก้วที่ต้องเจาะรู... ผู้ปกครองควรช่วยดูแล

อันตรายจากฝาครอบแก้วชาไข่มุกหยุดลมหายใจ - ระวังอุบัติเหตุใกล้ตัว

1 comments:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณมากนะครับสำหรับบทความ